18 เม.ย. วิธีเลือกขนาดถุงพัสดุ ให้เหมาะสมกับสินค้า ลดต้นทุนการขนส่ง
ในยุคที่อะไร ๆ ก็ง่ายและสะดวกขึ้น แม้แต่กับการค้าขายออนไลน์ที่มีทางเลือกหลากหลายตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะในมุมการขนส่งสินค้า แต่ก่อนอาจมีแค่กล่องพัสดุกระดาษขนาดธรรมดา ยกระดับความง่ายและคล่องตัวกว่าด้วย “ถุงพัสดุ” ที่ให้ความสะดวกและประหยัด แต่คุณสมบัติของถุงพัสดุไม่ได้มีแค่สองอย่างที่กล่าวไป ถุงพัสดุที่ว่านี้มีอะไรดีมากกว่า เราไปหาคำตอบกัน
ถุงพัสดุ คืออะไร มีทั้งหมดกี่ประเภท
ถุงพัสดุ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า ถุงไปรษณีย์ เป็นหนึ่งในบรรจุภัณฑ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้สำหรับบรรจุสิ่งของหรือสินค้าในการขนส่ง อาจมาในลักษณะถุงหรือซองทรงยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถใส่ได้ตั้งแต่เอกสารไปจนถึงสิ่งของขนาดกลางและใหญ่ ขึ้นอยู่กับไซซ์ถุงพัสดุ ส่วนมากถุงพัสดุจะมาพร้อมแถบกาวในตัวที่สามารถแกะและติดผนึกพัสดุได้ทันที ไม่ต้องอาศัยเทปกาวหรือเชือกมัด ถุงพัสดุจึงโดดเด่นในแง่ของความสะดวกเวลาใช้งาน บวกกับราคาที่ย่อมเยากว่ากล่องพัสดุจึงประหยัดได้ทั้งต้นทุนและระยะเวลาในการแพ็คของ
ถุงพัสดุ ที่ได้รับความนิยมในแวดวงค้าขายออนไลน์ปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
ถุงพัสดุแบบกระดาษ
เป็นถุงหรือซองพัสดุที่ทำมาจากกระดาษแบบแข็ง ทนทาน อยู่ทรง เหมาะกับการขนส่งของประเภทเอกสารหรือกระดาษ เพราะจะช่วยให้เอกสารไม่เกิดความเสียหายหรือยับได้ระหว่างการขนส่ง
ถุงพัสดุแบบพลาสติก
เป็นถุงหรือซองที่ทำมาจากพลาสติกชนิด LDPE มีความยืดหยุ่นสูง เหนียวทนทาน ขยายตามสิ่งของได้อย่างอิสระและมีคุณสมบัติกันน้ำ จึงเหมาะกับสิ่งของหรือสินค้าหลายชนิดหลายรูปทรง ไม่ว่าจะอ่อนหรือแข็ง เช่น ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่ไม่สามารถแตกหักได้ ถุงพัสดุแบบพลาสติกก็สามารถบรรจุใส่ได้ทั้งหมด
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกขนาดถุงพัสดุ
ขนาดของสินค้า
ถุงพัสดุมีหลากหลายขนาด ไล่เรียงจากขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ฉะนั้น การเลือกถุงพัสดุให้เหมาะและคุ้มค่าที่สุด จำเป็นต้องรู้ขนาดของสินค้าในคลังว่ามีความกว้างและยาวเท่าไหร่ โดยเฉพาะสินค้าประเภทขายดีและมีการจัดส่งบ่อยครั้ง เพื่อลดความฟุ่มเฟือยและค่าใช้จ่ายจากการเลือกถุงพัสดุผิดเบอร์
น้ำหนักของสินค้า
หากเราจำเป็นต้องบรรจุสินค้าที่มีจำนวนมากชิ้น น้ำหนักพัสดุก็จะยิ่งมากตามไปด้วย แม้ขนาดสินค้าจะเล็กแต่หากมีจำนวนและน้ำหนักที่มากขึ้น ก็ควรเลือกถุงพัสดุที่ใหญ่ขึ้นอิงตามน้ำหนักของสินค้านั้น ๆ เช่น หากแพ็คเสื้อ 1 ตัวก็สามารถบรรจุในถุงพัสดุขนาดเล็กได้ แต่หากต้องแพ็คเสื้อยืดอย่างน้อย 3 – 4 ตัว ก็ควรเลือกถุงพัสดุเบอร์ 3 ขึ้นไป
ประเภทของสินค้า
เนื่องจากถุงพัสดุมีทั้งแบบกระดาษและพลาสติก เราจึงจำเป็นต้องพิจารณาเลือกใช้ถุงพัสดุให้เหมาะกับประเภทสินค้านั้น ๆ เช่น หากสินค้าเป็นประเภทกระดาษหรือเอกสารที่เสี่ยงจะยับ ควรเลือกถุงพัสดุชนิดกระดาษแข็งที่อยู่ทรง หักงอยาก เพื่อป้องกันการยับหรือการกดทับจากสิ่งอื่น หากเป็นสินค้าขนาดเล็ก เช่น สินค้าไอทีที่มีความเสี่ยงจะแตกหรือหักได้ สามารถเลือกเป็นถุงพัสดุแบบกระดาษที่มีการบุกันกระแทกอีกชั้นด้านใน เพื่อช่วยป้องกันแรงกดทับและแรงกระแทกระหว่างขนส่ง หากเป็นเสื้อผ้าหรือสินค้าที่เสี่ยงจะเปียดชื้น ก็ควรเลือกใช้ถุงพัสดุแบบพลาสติกที่ทนทาน ป้องกันการเหนี่ยวรั้งและกันน้ำได้อย่างดี
3 วิธีเลือกขนาดถุงพัสดุ ให้ลดต้นทุนการขนส่ง
ลดน้ำหนักพัสดุ
การเลือกใช้ถุงพัสดุที่ทำมาจากพอลิเมอร์ จะได้จุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบาพิเศษ ทำให้เวลาเราแพ็คสินค้าด้วยถุงพัสดุ จึงช่วยลดน้ำหนักพัสดุที่ไม่จำเป็นลงได้ จนน้ำหนักจากถุงพัสดุแทบไม่มีผลต่อน้ำหนักพัสดุจริงเลย ทำให้ร้านค้าสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งลงไปได้มาก
ลดขนาดพัสดุ เพื่อลดค่าส่ง
สังเกตไหมว่า เวลาใช้กล่องพัสดุที่มีขนาดกลางหรือใหญ่ แม้ภายในจะมีสินค้าชิ้นเล็กก็ตาม ค่าส่งมักจะแปรผันไปตามน้ำหนักและขนาดของกล่องอยู่ดี ฉะนั้น การเลือกใช้ถุงพัสดุที่มีความยืดหยุ่นและพอดีกับสินค้า จึงสามารถช่วยลดค่าส่งได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง
เลือกใช้ถุงพัสดุแบบมีกาวในตัว
การเลือกใช้ถุงพัสดุที่มีแถบกาวในตัวจะช่วยให้เราประหยัดต้นทุนไปกับค่าอุปกรณ์การแพ็คสินค้าได้ เพราะถุงพัสดุที่มาพร้อมแถบกาวสำเร็จรูป จะสามารถปิดผนึกบรรจุห่อพัสดุได้แบบทันทีเมื่อแพ็คสินค้าเสร็จ ไม่ต้องใช้เทปกาวเสริมและยังประหยัดเวลาการแพ็คสินค้า
3 วิธีเลือก กล่องพัสดุ ให้เหมาะสมที่สุด สำหรับร้านค้าออนไลน์
เลือกขนาดกล่องให้พอดีกับขนาดสินค้า
ก่อนเลือกซื้อกล่องพัสดุให้เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด จำเป็นต้องรู้ขนาดสินค้าทั้งหมดให้แน่ชัดเสียก่อน ทั้งความกว้าง ความยาวและความสูง ถัดจากนั้นให้เลือกกล่องพัสดุที่มีขนาดกล่องใหญ่กว่าสินค้าเพียงเล็กน้อย และไม่ลืมเหลือพื้นที่พอให้ใส่วัสดุกันกระแทก เช่น ถุงบับเบิ้ล หรือ กระดาษรังผึ้งกันกระแทก เป็นต้น สินค้าบางประเภทที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแตกหัก็สามารถบรรจุลงกล่องแบบพอดีไซซ์ได้ทันที วิธีนี้จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายไปกับค่ากล่องพัสดุได้
เลือกกล่องให้เหมาะสมกับสินค้า
กล่องพัสดุสมัยใหม่ ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสินค้าหลากหลายประเภท เพราะสินค้าบางอย่าง จำเป็นต้องใช้กล่องบรรจุที่เฉพาะออกไป เช่น อาหาร ยา/อาหารเสริม หรือ สินค้าที่สามารถแตกหักได้ กล่องพัสดุบางชนิดจะมีพื้นที่สำหรับเสริมวัสดุกันกระแทก บางชนิดจะผลิตจากความหนาพิเศษที่มีความสามารถในการป้องกันสินค้าด้านในได้สูง
เลือกกล่องพัสดุที่ได้มาตรฐาน
แม้ตัวเลือกกล่องพัสดุจะหลากหลายขึ้นและมีราคาที่ถูกขึ้นมากในปัจจุบัน แต่ก็ต้องไม่ลืมคำนึงถึงคุณภาพและมาตรฐานกล่องพัสดุ เพราะกล่องพัสดุ หรือ กล่องไปรษณีย์ที่ได้มาตรฐานจะช่วยการันตีถึงคุณภาพ ความแข็งแรงที่รองรับต่อการขนส่งหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันกล่องพัสดุคุณภาพดีและราคาเป็นมิตรก็มีให้เลือกอยู่หลายแบรนด์ทีเดียว เรียกว่าเป็นการเลือกลงทุนไปกับอุปกรณ์คุณภาพ เพื่อสร้างมาตรฐานร้านค้าออนไลน์ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีและยังเป็นการใส่ใจต่อผู้บริโภคอีกด้วย
เปรียบเทียบขนาดถุงพัสดุที่เหมาะสมกับสินค้าประเภทต่าง ๆ
ถุงพัสดุขนาดที่นิยมใช้ในหมู่ร้านค้าออนไลน์ มีดังนี้
เบอร์ 1 : ขนาด 20 ซม. X 26 ซม. เทียบเท่ากับขนาดของ A5 หรือครึ่งหนึ่งของขนาด A4 เป็นถุงพัสดุขนาดเล็กที่เหมาะกับเสื้อยืด 1 ตัว หรือเสื้อผ้าและสินค้าขนาดเล็ก
เบอร์ 2 : ขนาด 25 ซม. X 31 ซม. เป็นขนาดที่เหมาะกับเสื้อผ้าไซซ์ใหญ่ประมาณ 1 – 2 ตัว หนังสือหรือกระดาษปึกใหญ่
เบอร์ 3 : ขนาด 28 ซม. x 37 ซม. เหมาะกับเสื้อผ้าไซซ์ประมาณ 3 – 4 ตัว และสามารถบรรจุกล่องรองเท้า 1 กล่องได้
เบอร์ 4 : ขนาด 34 ซม. x 43 ซม. เหมาะกับห่อบรรจุกล่องรองเท้าไซซ์ใหญ่ หรือ เสื้อผ้าไซซ์ใหญ่ได้ถึง 5 – 7 ตัว
เบอร์ 5 : ขนาด 39 ซม. x 50 ซม. เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ขึ้นมา เช่น เสื้อคลุม เสื้อโค้ทกันหนาวชนิดไม่หนามาก กระเป๋าขนาดใหญ่ รวมถึงสินค้าขนาดเล็กในปริมาณมาก
เบอร์ 6 : ขนาด 50 ซม. x 65 ซม. เป็นถุงพัสดุที่มีเนื้อที่กว้างมาก เหมาะกับสินค้าที่ใหญ่และหนา เช่น กระเป๋าเป้ขนาดใหญ่ หรือ เสื้อคลุมกันหนาวที่มีความพองตัวสูง
วิธีคำนวณต้นทุนถุงพัสดุต่อชิ้น
เปรียบเทียบราคาซื้อปลีกและราคาซื้อส่ง : ถึงแม้ถุงพัสดุจะมีราคาที่ย่อมเยากว่าและประหยัดกว่าบรรจุภัณฑ์แบบกล่อง แต่การซื้อปลีกทีละนิดอาจมีราคาที่ต่างกันกับการซื้อมาตุนในปริมาณมากแบบราคาส่ง ดังนั้น ร้านค้าออนไลน์ต้องเทียบราคาถุงพัสดุต่อชิ้นระหว่างซื้อปลีกและซื้อส่ง ว่าแบบใดที่ให้ราคาย่อมเยากว่ากัน จะช่วยให้เราเซฟต้นทุนการแพ็คสินค้าได้มากขึ้น
คำนวณต้นทุนรวม (ถุงพัสดุ + ค่าส่ง + ค่าแรงแพ็คของ) : ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายถุงพัสดุเพียงอย่างเดียว แต่ต้นทุนรวม จำเป็นต้องคำนวณไปถึง ค่าถุงพัสดุ ค่าส่งพัสดุ ตลอดจนค่าแรงในการแพ็คสินค้า ซึ่งเราควรคำนวณออกมาเป็นรายชิ้นเพื่อให้รู้แน่ชัดว่ายังอยู่ในจุดคุ้มทุนหรือไม่ หากมีตัวแปรไหนที่สูงไป ก็สามารถมองหาตัวเลือกในราคาที่ย่อมเยาลงมา เพื่อช่วยร้านลดค่าใช้จ่ายในการแพ็คและจัดส่งพัสดุ
เคล็ดลับการซื้อถุงพัสดุในราคาถูก เพื่อช่วยลดต้นทุนธุรกิจ : ปัจจุบัน ถุงพัสดุมีตัวเลือกมากมายหลายยี่ห้อ การเลือกซื้อเลือกใช้ถุงพัสดุจากแบรนด์ที่มีคุณภาพและราคาย่อมเยา จะสามารถช่วยเจ้าของกิจการร้านค้าออนไลน์ลดต้นทุนในการแพ็คสินค้าได้อย่างมาก
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อถุงพัสดุ
เลือกถุงพัสดุที่ใหญ่เกินไป : บ่อยครั้งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ เลือกซื้อถุงพัสดุขนาดใหญ่เกินกว่าสินค้าที่ขาย เพราะอาจมีความเข้าใจว่าซื้อถุงขนาดใหญ่ไว้ก่อน แต่ความเป็นจริง การเลือกถุงพัสดุที่ใหญ่มากเกินไป อาจทำให้สิ้นเปลืองต้นทุนค่าอุปกรณ์แพ็คสินค้า และอาจทำให้ขนาดถุงไม่พอดีกับสินค้า อาจเกิดความเสียหายได้ในบางกรณี
เลือกถุงพัสดุที่เล็กเกินไป : ร้านออนไลน์บางร้านอาจมีการคำนวณขนาดถุงผิดพลาดและเลือกซื้อขนาดที่เล็กกว่าสินค้ามากเกินไป นอกจากจะสิ้นเปลืองต้นทุน ก็ยังเสียอุปกรณ์ไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ เพราะถุงพัสดุไม่สามารถบรรจุสินค้าได้
ใช้ถุงพัสดุที่ไม่เหมาะสมกับประเภทสินค้า : ถุงพัสดุแต่ละขนาดและแต่ละชนิด จะเหมาะสมกับสินค้าที่ต่างประเภทกัน ฉะนั้น หากเลือกถุงพัสดุโดยไม่คำนึงถึงประเภทที่สินค้าขาย อาจทำให้สินค้าเสียหายหรือชำรุดระหว่างการขนส่งได้ ซึ่งบริษัทขนส่งอาจไม่สามารถชดเชยค่าเสียหายได้เพราะถือว่าเป็นความผิดของร้านค้าเอง
แม้ปัจจุบัน ถุงพัสดุจะมีตัวเลือกหลากหลายขึ้นมาก แต่ยังมีหนึ่งในถุงพัสดุ หรือ ถุงไปรษณีย์ที่มีคุณภาพและคุ้มค่าสมราคา นั่นก็คือ ถุงพัสดุจากแบรนด์ ATCO ถุงพัสดุคุณภาพดีที่มีให้เลือกสูงสุดถึง 20 ขนาด รวมทั้งขนาดมาตรฐาน ขนาดเล็กพิเศษและใหญ่พิเศษ จุใจด้วยราคาเป็นมิตรกับคนทำธุรกิจตัวจริง มีให้เลือกทั้งราคาปลีกสำหรับคนทำธุรกิจขนาดเล็กที่มักซื้อในปริมาณน้อย รวมถึงราคาขายส่ง สำหรับคนทำธุรกิจขนาดใหญ่ที่มักซื้อในปริมาณมาก ๆ เรียกว่าเป็นถุงไอเท็มตัวช่วยคนทำธุรกิจอย่างแท้จริง
ถุงพัสดุ จึงนับว่าเป็นกระแสยอดนิยมสำหรับคนทำธุรกิจค้าขายออนไลน์และยังเป็นไอเท็มขวัญใจสำหรับการแพ็คสินค้าจัดส่ง นอกจากจะใช้งานสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายไปกับบรรจุภัณฑ์ ก็ยังช่วยเซฟต้นทุนยิบย่อยและยังเซฟเวลาการแพ็คสินค้าได้ไวขึ้น ให้ร้านค้ามีโอกาสสร้างกำไรและความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจได้ดีกว่าเดิม
