06 มิ.ย. 7 วิธีขายของออนไลน์ให้ยอดปัง กำไรพุ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคสมัยนี้ การค้าขายยังคงเป็นธุรกิจที่มารุ่งพุ่งแรงและเป็นอุตสาหกรรมที่แทบจะไม่มีโอกาสล้มหายไปจากสังคมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการค้าขายออนไลน์ที่ตอบโจทย์วิถีของผู้บริโภคสมัยใหม่มากถึงมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อโซเชียลมีเดียใดก็รองรับการซื้อ-ขายออนไลน์แล้วทั้งสิ้น ยังไม่นับรวมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ทยอยให้บริการแบบจัดเต็มจนหลายคนแทบไม่ต้องออกไปซื้อของหน้าร้าน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการขายของออนไลน์เป็นธุรกิจที่ปังจนเปรี้ยงได้ในทุกวันนี้
รวม 7 วิธีขายของออนไลน์ให้ยอดปัง กำไรพุ่ง
ในปัจจุบันการค้าขายออนไลน์มีแต่จะแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตัวเลือกสินค้าแบบเดียวกันก็ดันมีให้เลือกเยอะแบบลายตา ยังไม่นับรวมปัจจัยและตัวแปรอื่น! แบบนี้เราจะมีวิธีขายของให้ปังและเหมาะแก่ยุคนี้อย่างไร? วันนี้ ATCO มี 7 เทคนิคดี ๆ กับวิธีขายของออนไลน์ง่าย ๆ ให้ยอดขายถล่มทลาย กำไรพุ่งและยืนต่อได้ในระยะยาว
1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย : แม้จะเป็นการขายของออนไลน์ที่ไม่มีหน้าร้าน แต่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้ายังเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะสิ่งนี้จะทำให้เราวางแผนการขายได้ง่ายและมีคุณภาพ ตลอดจนการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อได้อย่างแท้จริง ส่งผลให้ร้านมีฐานลูกค้ามั่นคงในระยะยาว ดึงลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำ ปั้มฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มทั้งยอดขายและฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
2. สร้างจุดเด่นให้ร้านค้า : นับเป็นเรื่องยากที่ร้านค้าออนไลน์เปิดใหม่จะถูกสนใจจากลูกค้าในครั้งแรก ๆ ฉะนั้นการหาตัวตนที่ใช่ เอกลักษณ์ที่แตกต่าง ใส่สไตล์ที่ไม่เหมือนใครลงไปให้กับร้าน ผ่านการตั้งชื่อเก๋ ๆ หรือใช้โลโก้ที่ไม่ซ้ำใคร ตลอดจนการผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ให้ติดกระแสและเข้าถึงง่าย จึงเป็นเหมือนการสร้างจุดเด่นให้กับร้านค้า ดึงดูดฐานลูกค้าเพิ่มให้กับร้าน ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
3. มีช่องทางการขายที่หลากหลาย : เพราะปัจจุบัน ลูกค้ามีตัวเลือกการซื้อของออนไลน์ที่มากขึ้น ฉะนั้นสำหรับแม่ค้าพ่อค้าแล้ว ก็ยิ่งต้องเพิ่มช่องทางการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย ผ่านสื่อออนไลน์ให้ครอบคลุม เช่น TikTok Shop , Facebook, IG, Twitter, Line Shop หรือ แพลตฟอร์ม e-commerce เช่น Shopee, Lazada เพราะจะช่วยให้ร้านเข้าถึงลูกค้าได้หลายกลุ่มกว่าการค้าขายเพียงช่องทางเดียว วิธีนี้ยังช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นการกระจายรายได้ให้มาจากหลายทิศทาง
4. ช่องทางการชำระเงิน : ในยุคดิจิทัลแบบนี้ การค้าขายออนไลน์ก็ต้องทันสมัยและครอบคลุมให้สมชื่อ! ฉะนั้น รูปแบบการชำระเงินก็ต้องรองรับการจ่ายได้หลากหลายช่องทาง เช่น การชำระผ่านบัญชีธนาคารที่มีตัวเลือกธนาคารมากกว่า 1 แห่งเพื่อความสะดวก หรือจะเป็นการชำระที่ยุคนี้นิยมใช้ เช่น QR Payment / Online Wallet / พร้อมเพย์ผ่านเบอร์ และการจ่ายปลายทาง (COD) ที่สำคัญ ถ้าหากมีตัวเลือกการชำระเงินสากล เช่น ชำระผ่าน Paypal ก็จะยิ่งดีขึ้นไปใหญ่เพราะนั่นหมายความว่าเราจะได้ฐานลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย เรียกว่ายิ่งมีตัวเลือกการจ่ายที่ครอบคลุมมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพิ่มทั้งฐานลูกค้าและยอดขายไปในคราวเดียว
5. หมั่นอัปเดตสินค้าในร้านอยู่เสมอ : การค้าขายออนไลน์จะต้องพร้อมอยู่เสมอเพราะลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ตลอดเวลา ฉะนั้นพ่อค้าแม่ขายมือใหม่ต้องไม่ลืมอัปเดตสินค้าในร้านอยู่เป็นประจำ หากสินค้าชิ้นไหนขายดีก็ควรเติมสต็อกสินค้าให้มากชิ้นและหมั่นเช็คสต็อกอยู่เสมอ ดูแนวโน้มการซื้อสินค้าแบบเก่าเพื่อนำไปเพิ่มสินค้ารูปแบบใหม่ ๆ จัดหมวดหมู่ให้ลูกค้าค้นหาตามประเภทต่างๆได้เองให้ง่ายและสะดวก สิ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยให้ร้านมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าตลอดและยิ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจในร้านมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มและมีความสม่ำเสมอไม่ขาดตอน
6. ตอบแชทลูกค้าให้ไว : การโต้ตอบพูดคุยกับลูกค้าได้รวดเร็วว่องไวก็เป็นเหมือนตัวแทนความใส่ใจจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้า เพราะการพูดคุยกับลูกค้าเป็นหนึ่งในขั้นตอนการขายที่จะสร้างทั้งความประทับใจและความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าก่อนและหลังการซื้อ ส่งผลให้ลูกค้าเหล่านี้ย้อนกลับมาซื้อสินค้าซ้ำและกลายเป็นลูกค้าประจำได้ในที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน มีรูปแบบการโต้ตอบลูกค้าที่ทันสมัยขึ้น เช่น การใช้ AI Bot ในช่วงเวลาที่ไม่ว่างหรือร้านปิดทำการ และ เซ็ตคำถามพื้นฐานที่ใช้ระบบ AI ตอบได้อัตโนมัติเพื่อให้ลูกค้าได้คำตอบทันที เป็นต้น
7. จัดส่งสินค้ารวดเร็ว : หัวใจสำคัญของการค้าขายออนไลน์คือ “ต้องไวให้ทันใจลูกค้า!” นอกจากจะต้องตอบแชทไวหรือเติมสินค้าไวแล้ว อีกหนึ่งโพรเซสที่ต้องไวนั่นก็คือ “จัดส่งไว” แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์จะต้องเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ อัปเดตสินค้าให้พร้อมส่ง เมื่อไหร่ที่มีออเดอร์เข้ามา เราต้องพร้อมแพ็คสินค้าและจัดส่งให้เร็วที่สุด และไม่ลืมใช้บริการขนส่งที่เชื่อถือและไว้ใจได้ เพื่อให้สินค้าส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ 100%
นอกเหนือจากวิธีขายของออนไลน์แห่งยุคทั้ง 7 ข้อด้านบนแล้ว แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ก็ต้องไม่ลืมใส่ใจเลือกใช้อุปกรณ์เสริมการค้าขายให้มีคุณภาพตามไปด้วย ซึ่งไอเท็มคู่กายของร้านค้าออนไลน์ชิ้นสำคัญก็คือปริ้นเตอร์และกระดาษสติ๊กเกอร์ที่จะใส่ดีเทลลูกค้าแปะลงบนพัสดุ แต่เพราะเป็นไอเท็มที่ร้านค้าออนไลน์และขนส่งส่วนใหญ่ต้องใช้กันเป็นประจำ ตัวเลือกบนท้องตลาดจึงมีให้เลือกมากมายไปหมด สิ่งสำคัญคือเราต้องเลือกไอเท็มที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพ วันนี้ ATCO จึงอยากนำเสนอไอเท็มคู่ใจร้านออนไลน์โฉมใหม่ “ATCO Direct Thermal Sticker” หรือ สติ๊กเกอร์ความร้อนคุณภาพคับแผ่น ที่สามารถใช้กับเครื่องปริ้นต์แบบ Direct Thermal ได้ทุกรุ่น ให้ความคมชัดทุกเครื่อง มีรูปแบบให้เลือกถึง 4 แบบ!
1. สติ๊กเกอร์ความร้อนแบบม้วน (Roll)
ขนาด 100 x 150 จำนวน 500 แผ่น/ม้วน
ขนาด 100 x 150 จำนวน 350 แผ่น/ม้วน
ขนาด 100 x 75 จำนวน 500 แผ่น/ม้วน
2. สติ๊กเกอร์ความร้อนแบบพับ (fan fold)
ขนาด 100 x 150 จำนวน 500 แผ่น/พับ
มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปริ้นต์รายละเอียดใบปะหน้าสินค้า บาร์โค้ดติดพัสดุ ฉลากสินค้าติดกล่อง หรือจะสติ๊กเกอร์ทั่ว ๆ ไป เรียกว่าเป็นสติ๊กเกอร์ความร้อนที่ใช้งานได้แบบองค์รวม ที่สำคัญ ATCO Direct Thermal Sticker ยังมีคุณสมบัติกันน้ำและน้ำมันเป็นเลิศ ป้องกันรอยขีดข่วนได้ กาวเหนียวพิเศษ ไม่ต้องกลัวตัวอักษรเบลอหรือชำรุด และยังมีรูปแบบที่รองรับการขนส่งทุกช่องทางอีกด้วย
แม้การค้าขายออนไลน์จะเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ก็อย่าลืมว่าขายของออนไลน์ยังเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงอยู่เสมอถ้าเราไม่ปรับธุรกิจให้ติดตลาดและเป็นที่ต้องการของลูกค้า ฉะนั้น เทคนิคดี ๆ เหมือน 7 ข้อด้านบนนี้จึงเป็นดั่งตัวช่วยที่พ่อค้าแม่ขายออนไลน์ควรใส่ใจเพราะมันคือสิ่งที่ช่วยพาธุรกิจออนไลน์ไปสู่ความปังได้ในที่สุด
แนะนำอ่านต่อ : รวม 7 ไอเท็มเด็ด ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ห้ามพลาด