21 ต.ค. ตรวจสอบคุณภาพซองพัสดุก่อนใช้งานด้วยวิธีง่าย ๆ
การจัดส่งสินค้าในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ การเลือกใช้ซองพัสดุที่มีคุณภาพเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้ว่าสินค้าจะดีแค่ไหน แต่หากบรรจุภัณฑ์ไม่สามารถปกป้องสินค้าได้เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดความเสียหาย เช่น พัสดุตีกลับ (คืนกลับผู้ส่ง) หรือปัญหาในการเคลมสินค้า ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในระยะยาว ซองพัสดุมีหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันทั้งในเรื่องวัสดุ ความหนา และคุณภาพโดยรวม ดังนั้นการตรวจสอบซองก่อนนำไปใช้งาน จึงเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
ทำไมต้องตรวจสอบซองก่อนใช้งาน ?
1. ลดความเสียหายของสินค้า
2. ลดโอกาสเกิดพัสดุตีกลับ
3. ลดต้นทุนจากการเคลม และจัดส่งซ้ำ
4. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า
5. ประหยัดเวลาในการแพ็คของซ้ำ
ความหลากหลายของวัสดุ ความหนา และคุณภาพของซองพัสดุ
ซองพัสดุในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งในแง่ของวัสดุ การใช้งานเฉพาะทาง รวมถึงความหนา และคุณสมบัติในการป้องกันสินค้า การเลือกซองให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดส่ง ลดความเสียหาย และยังสะท้อนความใส่ใจของร้านค้าได้อีกด้วย
ประเภทของซองพัสดุที่นิยมใช้ เช่น
ซองกันน้ำ (Waterproof Mailer) ผลิตจากพลาสติกพอลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี ช่วยป้องกันสินค้าไม่ให้เปียกชื้นระหว่างการจัดส่ง เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น เอกสารสำคัญ เสื้อผ้า หรือสินค้าทั่วไปที่อาจเสียหายหากสัมผัสน้ำ
ซองพัสดุธรรมดา (Standard Poly Mailer) เป็นซองที่ไม่มีชั้นกันกระแทก ใช้สำหรับสินค้าที่ไม่เปราะบาง เช่น เสื้อผ้า ผ้าพันคอ ของเบา ไม่ต้องการการปกป้องมากนัก มีต้นทุนต่ำ เหมาะกับการจัดส่งทั่วไปในปริมาณมาก
ซองบับเบิลในตัว (Bubble Mailer) มีชั้นกันกระแทกด้านในเป็นฟองอากาศ (Bubble wrap) เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการป้องกันเพิ่มเติม เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของขวัญ ของชำร่วย หรือเครื่องประดับ ช่วยลดแรงกระแทกจากการขนส่งได้ดี
7 วิธีง่าย ๆ ในการตรวจสอบคุณภาพซองพัสดุ
ก่อนนำซองไปใช้งานกับสินค้าของลูกค้า การตรวจสอบคุณภาพซองพัสดุเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะซองที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้พัสดุเสียหายระหว่างทาง ถูกตีกลับ หรือสร้างประสบการณ์ไม่ดีให้กับลูกค้าได้ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อประเมินคุณภาพซองก่อนใช้งาน
1. เช็คความหนาของซอง
ใช้มือจับ และบีบดูเนื้อซองเบา ๆ หากรู้สึกบางหรือย่นง่ายเกินไป อาจไม่เหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือมีโอกาสโดนกระแทกระหว่างขนส่ง โดยทั่วไป ซองที่มีความหนาตั้งแต่ 60 ไมครอนขึ้นไป จะให้ความทนทานมากกว่า เหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย และรับแรงเสียดสีจากการขนส่งได้ดี
2. ทดสอบความเหนียวของเนื้อพลาสติก
ลองดึงซองบริเวณกลางแผ่นหรือริมซองเล็กน้อย หากฉีกง่ายหรือเกิดรอยยืดทันที แสดงว่าใช้วัสดุเกรดต่ำ ซองที่ดีควรมีความเหนียวพอที่จะรับแรงดึงหรือแรงกระชากระหว่างการขนส่ง เช่น ตอนที่เจ้าหน้าที่ขนย้าย หยิบจับ หรือจัดวางพัสดุซ้อนกัน
3. ตรวจสอบตะเข็บข้าง
ให้สังเกตแนวตะเข็บด้านข้างซองว่าปิดสนิทดีหรือไม่ มีรอยปริหรือรูรั่วหรือเปล่า ตะเข็บคุณภาพต่ำมักจะหลุดหรือฉีกขาดเมื่อรับน้ำหนัก ในกรณีที่สินค้าหล่นจากซองเพราะตะเข็บเปิด อาจไม่เพียงแค่เสียหาย แต่ยังทำให้พัสดุสูญหายหรือส่งผิดปลายทางได้
4. ลองปิด-เปิดเทปกาว (แถบกาว)
แถบกาวเป็นส่วนที่ต้องรับประกันว่าปิดแล้วต้องอยู่ ให้ลองลอกแถบกาวแล้วปิดซองดู จากนั้นดึงเปิดเบาๆ เพื่อทดสอบ ถ้ากาวลอกง่าย หรือรู้สึกแห้งหลุดไว แสดงว่าแถบกาวไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ พัสดุตีกลับ จากการเปิดระหว่างทาง
5. ตรวจสอบการกันน้ำ
ใช้วิธีง่าย ๆ โดยหยดน้ำเล็กน้อยลงบนผิวซอง แล้วสังเกตดูว่าน้ำซึมหรือกลิ้งออก ซองที่กันน้ำได้ดีจะไม่ดูดซึมน้ำ ไม่เปื่อย และสามารถปกป้องสินค้าแม้จะโดนฝนระหว่างขนส่ง โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเอกสารหรือเสื้อผ้า
6. ดูสีและผิวสัมผัสของซอง
ซองที่เก็บไว้นานเกินไปหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจมีสีซีด ผิวด้าน หรือเป็นรอยขีดข่วนง่าย ซึ่งบ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพ เลือกซองที่มีสีคมชัด ผิวลื่น ไม่แห้งกรอบ เพราะซองที่ยังใหม่ และคุณภาพดีจะทนทานกว่าเมื่อนำไปใช้งานจริง
7. ลองใส่สินค้าจริง และเขย่าเบา ๆ
ทดสอบใช้งานจริงโดยใส่สินค้าที่จะจัดส่งลงไปในซอง แล้วเขย่าหรือเคลื่อนไหวเบาๆ เพื่อดูว่าเกิดปัญหาใดบ้าง เช่น ซองยืดจนผิดรูป หรือแถบกาวเริ่มเปิด หากซองเริ่มเสียรูปทรง แสดงว่าความเหนียวไม่พอ หรือขนาดไม่พอดีกับสินค้า ควรเปลี่ยนซองให้เหมาะสมก่อนส่งจริง
ข้อควรระวังเมื่อตรวจพบซองไม่ได้มาตรฐาน
แม้ว่าซองพัสดุจะดูเป็นวัสดุสิ้นเปลืองชิ้นเล็ก ๆ แต่หากไม่มีคุณภาพหรือใช้งานผิดประเภท อาจส่งผลเสียหายอย่างมาก ทั้งในด้านความปลอดภัยของสินค้า ความน่าเชื่อถือของร้านค้า ไปจนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเคลมหรือพัสดุตีกลับ ดังนั้นหากพบซองที่ไม่ได้มาตรฐาน ควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด
แยกซองที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพไว้
หากพบว่าซองมีลักษณะบางผิดปกติ เปื่อย ยืดย้วย ตะเข็บหลุด หรือมีรอยขาดเล็ก ๆ แม้จะยังไม่ได้ใช้งาน ควร แยกออกจากสต็อกทันที และไม่ควรนำมาใช้งานร่วมกับซองอื่น การใช้ซองที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่ความเสียหายขณะขนส่ง เช่น สินค้าหล่นหายหรือเสียหายระหว่างทาง ซึ่งจะทำให้ร้านค้าต้องรับภาระต้นทุนในการเคลมหรือส่งใหม่โดยไม่จำเป็น
ไม่ใช้ซองที่กาวไม่ติด หรือมีรอยรั่วซึม
แถบกาวที่หมดอายุ หรือเสื่อมจากการเก็บไว้นานเกินไป มักมีปัญหาคือไม่ติดแน่น หรือปิดแล้วหลุดง่าย อีกทั้งหากพบว่าเนื้อซองมีรูรั่วเล็ก ๆ หรือรอยเจาะแม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรนำมาใช้งานเด็ดขาด ซองที่มีรอยรั่วหรือแถบกาวไม่ทำงานอย่างถูกต้อง มีโอกาสสูงที่พัสดุจะเปิดหลุดกลางทาง โดยเฉพาะในช่วงการจัดเรียงของขนส่ง ซึ่งอาจทำให้สินค้าเสียหายหรือหล่นหายจนตามคืนไม่ได้
หากซื้อจำนวนมาก ควรแจ้งร้านหรือผู้ผลิตเพื่อเปลี่ยนหรือเคลม
ในกรณีที่ซื้อซองพัสดุมาในล็อตใหญ่ แล้วพบว่ามีปัญหาแบบเดียวกันต่อเนื่อง เช่น กาวไม่ติด ตะเข็บหลุด หรือความหนาไม่เท่ากัน ควรแจ้งร้านค้าหรือผู้ผลิตทันที เพื่อขอเปลี่ยนหรือเคลมสินค้า โดยเฉพาะถ้าเป็นซองจาก แบรนด์ที่มีการรับประกันคุณภาพ เช่น ATCO หรือผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน อาจสามารถขอเปลี่ยนล็อตหรือคืนสินค้าได้หากมีหลักฐานชัดเจน เช่น ภาพถ่ายหรือวิดีโอการทดสอบ ไม่ควรปล่อยผ่าน เพราะการใช้ซองไม่ได้มาตรฐานซ้ำ ๆ จะยิ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจของคุณในระยะยาว
แนะนำซองพัสดุคุณภาพดีจาก ATCO
หากคุณกำลังมองหาซองพัสดุที่มีคุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า แบรนด์ ATCO เป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือ
1. ซองพัสดุ ATCO มีให้เลือกหลายขนาด หลายแบบ
2. ผลิตจากพลาสติกหนาพิเศษ รองรับแรงกระแทกได้ดี
3. ซองกันน้ำ ATCO ผ่านการทดสอบจริง กันน้ำ 100%
4. แถบกาวเหนียวแน่น ใช้งานสะดวก
5. เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์ทุกรูปแบบ ทั้งเสื้อผ้า สินค้าทั่วไป เอกสาร
การตรวจสอบซองพัสดุก่อนใช้งานอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สามารถช่วยลดปัญหาใหญ่ได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการเสียหายของสินค้า การเสียเวลาในการเคลมหรือส่งซ้ำ หรือแม้แต่การ พัสดุตีกลับ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ลูกค้า และส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของร้านโดยตรง ก่อนแพ็คของทุกครั้ง อย่าลืมตรวจเช็กซองตาม 7 วิธีที่แนะนำ ช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าสินค้าทุกชิ้นไปถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย