13 เม.ย. ใบปะหน้าพัสดุคืออะไรและมีความสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ขนาดไหน
“ทุกครั้งที่จะรับพัสดุทุกคนจะตรวจสอบสิ่งไหนก่อนเป็นอย่างแรก?”
แน่นอนว่าก็ต้องเป็น ‘ใบปะหน้าพัสดุ’ อยู่แล้ว เพราะเราจะสามารถรู้ได้ทันทีว่าของที่สั่งมาตรงกับที่ออเดอร์ร้านค้าไปหรือเปล่า แต่รู้มั้ยว่าจริง ๆ แล้วใบปะหน้าพัสดุมีความสำคัญในมิติเชิงลึกมากกว่านั้น ทั้งต่อผู้รับสินค้า ผู้ส่งสินค้า และขนส่ง บทความนี้ ATCO ขอชวนคนอ่านเข้าใจหน้าที่ของใบปะหน้าพัสดุกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า ใบปะหน้าพัสดุ อย่างเข้าใจ
ไม่มีนักช้อปคนไหนไม่เคยเห็นใบปะหน้าพัสดุ “แต่รู้มั้ยว่าสิ่งนี้คืออะไร ?”
ใบปะหน้าพัสดุที่แปะอยู่บนกล่องสินค้าคือเอกสารสรุปการซื้อ-ขายซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละครั้งระหว่างผู้ส่ง (พ่อค้า/แม่ค้า) กับ ผู้รับ (ลูกค้า) โดยที่มี ‘ผู้ขนส่ง’ ทำหน้าที่เป็นคนเช็กที่อยู่จัดส่งกระทบกับชื่อ-นามสกุลเพื่อนำไปให้ถึงมือของผู้รับอีกที
และต้องบอกว่าใบปะหน้าพัสดุเป็นอีกหนึ่งเอกสารสำคัญยืนยันว่าการซื้อขายนั้นเกิดขึ้นจริง นอกจากใบเสร็จ ซึ่งจะมีทั้ง 2 แบบ
- ใบปะหน้าพัสดุที่สถานะชำระเงินเรียบร้อยแล้ว
- ใบปะหน้าพัสดุที่กำลังรอการชำระเงิน โดยส่วนมากจะถูกแปะอยู่บรรจุภัณฑ์ของสินค้าที่เราทำการสั่งซื้อ
ใบปะหน้าพัสดุ ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง
ไม่ใช่แค่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เท่านั้น แต่ผู้รับสินค้าเองก็ควรที่จะรู้ว่าบนใบปะหน้าพัสดุต้องมีข้อมูลแบบไหนถูกพิมพ์ลงไปบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในหลาย ๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะสินค้าไม่ตรงกับที่สั่ง / สินค้าไม่ใช่ของผู้รับเอง ซึ่งเป็นการป้องกันไปถึงมิจฉาชีพที่อาจส่งของมาที่บ้านพร้อมบังคับให้เราชำระเงินปลายทางได้เลย แถมยังเป็นการยืนยันกับทางผู้ส่งเองว่าเราได้รับสินค้าที่ถูกต้องตามเวลาที่แจ้งไว้จริง ๆ ใช่หรือไม่
1. ‘ข้อมูลผู้ส่ง’ : จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ที่มีขึ้นเพื่อเป็นช่องทางการติดต่อทั้งสำหรับ ‘ผู้รับสินค้า’ และ ‘ขนส่ง’ สามารถติดต่อได้เมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะขนส่งติดต่อผู้รับไม่ได้ / ผู้รับติดต่อขนส่งไม่ได้ / ผู้รับได้ของไม่ตรงเวลาหรือไม่ใช่ของตัวเอง
- ชื่อผู้ส่งหรือชื่อร้านค้า
- ที่อยู่ของผู้ส่งหรือที่อยู่ของร้านค้า
- เบอร์โทรศัพท์ของผู้ส่ง
2. ‘ข้อมูลสินค้า’ : จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน เป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ส่งต้องตรวจสอบให้ดีเมื่อได้รับออเดอร์แล้ว และผู้รับควรถ่ายวิดีโอก่อนแกะกล่องทุกครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลยืนยันว่าเราได้รับของตรงหรือไม่ตรงกับที่สั่งและใบปะหน้าพัสดุระบุเอาไว้หรือเปล่า
- ชื่อสินค้า
- จำนวนสินค้า
3. ‘ข้อมูลผู้รับ’ : จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน สำหรับผู้ส่งตรงนี้คือส่วนสำคัญที่จำเป็นจะต้องใส่ข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อป้องกันการสูญหายระหว่างทางของพัสดุ ไม่ว่าจะจากขนส่งเอง หรือว่าจากการติดต่อผู้รับไม่ได้
- ชื่อของผู้รับ
- ที่อยู่ของผู้รับ
- เบอร์ติดต่อของผู้รับ
4. ‘รายละเอียดสินค้า’ : เป็นส่วนข้อมูลเพิ่มเติมพิเศษที่เอาจริง ๆ แล้วควรใส่และระบุอย่างชัดเจน ประเภทของสินค้าเป็นอะไร มีลักษณะอะไรเป็นพิเศษ เพื่อที่ผู้ส่งเองจะได้บรรจุสินค้าที่ตรงกับลูกค้าสั่งเข้ามา และเป็นการรีเช็กครั้งสุดท้ายก่อนปิดผนึกว่าสิ่งนั้นถูกต้องแล้วจริง ๆ
5. ‘เลขพัสดุ’ : ข้อมูลที่ไม่มีไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นดั่ง GPS ติดตามสถานะและตำแหน่งของพัสดุ ทั้งกับผู้รับและผู้ส่ง ซึ่งหมายเลขพัสดุจะอยู่บนใบปะหน้าพัสดุอยู่แล้ว ในลักษณะของบาร์โค้ดหรือ QR CODE เพื่อให้พนักงานขนส่งสแกนคีย์ข้อมูลเข้าระบบของบริษัทขนส่ง และในธุรกิจออนไลน์ปัจจุบันเลขพัสดุก็จะถูกส่งเข้าอีเมลสั่งซื้อของลูกค้าอีกครั้งจากทางผู้ส่ง เพื่อเป็นการยืนยันสถานะว่าพัสดุได้ถูกส่งออกจากร้านค้าแล้วจริง ๆ
6. ‘ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน’ : ในกรณีที่เป็นพัสดุแบบชำระเงินปลายทาง บนใบปะหน้าพัสดุจะต้องมีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจำนวนเงินกี่บาท เพื่อให้ทางขนส่งเก็บเงินกับลูกค้าได้ถูกต้อง และหากว่าเป็นกรณีที่ชำระแล้วก็จะถูกระบุแจ้งชัดเจนเพื่อจะได้ไม่ต้องเก็บเงินซ้ำอีก
ความสำคัญของใบปะหน้าพัสดุในระบบของธุรกิจ E-Commerce
ในยุคที่ทุกคนหันมาขายของออนไลน์ ระบบ E-Commerce แทบจะเป็นทุกอย่างของโลกธุรกิจแบบ B2C (Business to Consumer) ทั้ง Shopee / Lazada / Tiktok ฝั่งผู้ขายจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าธุรกิจนั้นมีการจัดการตั้งแต่ต้นทางที่เป็นการจัดเตรียมพัสดุ ไปจนถึงปลายทางที่เป็นการชำระเงินอย่างไรบ้าง มาดูขั้นตอนกันเลย
รายการสั่งซื้อ / จัดการเลขพัสดุ / แจ้งชำระเงิน / ชำระเงินออนไลน์ / ระบบโปรโมชั่น / บัญชีรับเงิน / ระบบขนส่ง / ภาษี / ข้อมูลร้านค้า / อัตราแลกเปลี่ยน / ข้อตกลงและเงื่อนไข / ตั้งค่าร้านค้า
จะเห็นว่าในส่วนของ ‘รายการสั่งซื้อ’ กับ ‘การจัดการเลขพัสดุ’ จะมี ‘ใบปะหน้าพัสดุ’ อยู่ในส่วนประกอบด้วย และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ๆ
ใบปะหน้าพัสดุที่ดีต้องเป็นแบบไหน
หลาย ๆ ครั้งที่เกิดเหตุไม่คาดฝันเรียกว่า ‘พัสดุตีกลับ’ หรือ ‘ส่งไม่สำเร็จ’ มักจะเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคของใบปะหน้าพัสดุที่ไม่ได้คุณภาพทุกครั้ง เรื่องนี้เกี่ยวกับการพิมพ์สติ๊กเกอร์ใบปะหน้าพัสดุของผู้ส่งคนเดียว เพราะฉะนั้นใบปะหน้าพัสดุที่ดีจำเป็นจะต้องมีสิ่งเหล่านี้
1. จัดหน้ากระดาษได้สวยงาม : ตัวอักษรต้องไม่เล็กจนอ่านไม่ออก หน้ากระดาษไม่ไปกองรวมกันอยู่มุมใดมุมหนึ่งจนเหลือพื้นที่ว่างเปล่า
2. พิมพ์ให้ชัดเจน หมึกไม่เลอะไม่เลือน : ฟังก์ชั่นที่ถูกต้องที่สุดของใบปะหน้าพัสดุคือต้องอ่านออกเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นข้อมูลพัสดุที่เรากรอกเข้าไปอย่างครบถ้วนก็จะไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด และอาจเกิดการตีกลับทำให้ของไปไม่ถึงปลายทางได้ด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนก็คงจะเห็นแล้วใช่มั้ยว่าจริง ๆ ใบปะหน้าพัสดุมีความสำคัญต่อผู้บริโภคและผู้ขายขนาดไหน บทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย แต่รู้ไหมว่ามีสิ่งหนึ่งที่เรายังไม่ได้เล่าไป นั่นก็คือการที่จะมีใบปะหน้าพัสดุที่ดีได้ จำเป็นจะต้องมีสติ๊กเกอร์ที่ดีตั้งแต่ต้นทาง ซึ่ง ATCO ก็เพิ่งออกสินค้าใหม่ล่าสุดเพื่อแก้ทุกปัญหาในทุกบรรทัดของใบปะหน้าพัสดุในบทความนี้โดยเฉพาะ
ATCO DIRECT THERMAL STICKER หรือ สติ๊กเกอร์ความร้อนเนื้อกระดาษพิเศษ ที่ไม่ต้องใช้หมึกพิมพ์และกังวลว่าข้อความบนใบปะหน้าพัสดุจะคมชัดหรือเปล่า เพราะสติ๊กเกอร์นี้ใช้ความร้อนในการพิมพ์ตัวหนังสือ กระดาษที่ออกมาก็กันรอยขีดข่วนไม่ว่าจะกล่องพัสดุซ้อนกันเท่าไหร่ข้อความก็ไม่เลือน สามารถกันน้ำได้ในวันซึ่งสภาพอากาศไม่เป็นใจ พร้อมกับมีกาวเหนียวพิเศษที่ยึดกับกล่องพัสดุจนถึงมือของผู้รับได้อย่างแน่นอน
โดยสินค้าล่าสุดนี้มีทั้งหมด 4 แบบ ตอบโจทย์กับทุกไซส์กล่องส่งสินค้าทุกรูปแบบที่ทุกคนต้องการ
- กระดาษสติ๊กเกอร์ความร้อน 100×150 500 แผ่น/ม้วน
- กระดาษสติ๊กเกอร์ความร้อน 100×150 350 แผ่น/ม้วน
- กระดาษสติ๊กเกอร์ความร้อน 100×150 500 แผ่น/พับ
- กระดาษสติ๊กเกอร์ความร้อน 100×75 500 แผ่น/ม้วน