09 พ.ค. รวม 7 เทคนิค การตั้งราคาสินค้ายังไงให้โดนใจลูกค้า
การตั้งราคาสินค้าให้ดี ไม่ใช่แค่บวกลบเลข หนึ่งในสิ่งที่เจ้าของร้านมือใหม่มักกังวลคือ จะตั้งราคาสินค้ายังไงดี เพราะการตั้งราคาสินค้า ไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ถ้าตั้งไม่ดี ก็อาจขายไม่ออก หรือได้กำไรน้อยเกินไป แชร์ 7 เทคนิคการตั้งราคาสินค้าให้โดนใจลูกค้าแบบเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
ทำความรู้จัก การตั้งราคาสินค้า
การตั้งราคาสินค้า คือกระบวนการกำหนดมูลค่าที่ลูกค้าจะต้องจ่าย แลกกับสินค้า หรือบริการ ซึ่งราคานั้นจะสะท้อนคุณค่าของสินค้า ต้นทุน และภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปพร้อมกัน การตั้งราคาจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องอาศัยความเข้าใจลูกค้าและตลาด
เช็กลิสต์สิ่งที่ควรรู้ ก่อนตั้งราคาสินค้า
ก่อนจะเริ่มตั้งราคา ลองเช็กให้ครบ 5 ข้อนี้ เพื่อให้ราคาที่ตั้งนั้นเหมาะสมทั้งกับตลาดและต้นทุน
ต้นทุนทั้งหมด (รวมค่าผลิต แพ็กเกจ ค่าขนส่ง)
สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ ต้นทุนจริงของสินค้า ไม่ใช่แค่ราคาผลิต แต่รวมไปถึงค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่ค่าแรงในการแพ็กสินค้า เพราะถ้าประเมินต้นทุนต่ำไป อาจทำให้ตั้งราคาขาดทุนได้ง่ายๆ
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย คือใคร ?
ราคาที่ลูกค้ายอมจ่าย ขึ้นอยู่กับว่าเขาเป็นใคร มีพฤติกรรมการซื้อแบบไหน และให้คุณค่ากับสินค้าเรายังไง ถ้าขายให้ลูกค้าระดับพรีเมียม ราคาก็ควรสะท้อนภาพลักษณ์นั้น แต่ถ้าขายให้คนทั่วไปในวงกว้าง ก็ควรราคาสมเหตุสมผล เข้าถึงง่าย ไม่ทำให้รู้สึกว่าซื้อยาก
ราคาคู่แข่งในตลาด
อย่าลืมเช็กว่าคู่แข่งตั้งราคายังไง สินค้าคล้ายกันในตลาดอยู่ที่ช่วงราคาไหน เพื่อให้รู้ว่าราคาของเราสูงไป ถูกไป หรือพอดีกับตลาด เพราะต่อให้สินค้าดีแค่ไหน ถ้าราคาสูงเกินไปเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ลูกค้าอาจลังเลที่จะซื้อ หรือไปเลือกแบรนด์อื่นที่ราคาดูสมเหตุสมผลกว่า
จุดเด่นของสินค้าเรา
หากสินค้ามีความแตกต่าง มีคุณค่าหรือความพิเศษที่คู่แข่งไม่มี เช่น ใช้วัสดุพรีเมียม ทำมือ หรือมีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจ ก็สามารถตั้งราคาสูงกว่าทั่วไปได้ ลูกค้าหลายคนยอมจ่ายเพิ่ม หากรู้สึกว่าสิ่งที่ได้คุ้มค่าหรือมีความหมาย มากกว่าราคา
กลยุทธ์การขาย
สุดท้าย ควรถามตัวเองว่าอยากได้ยอดขายปริมาณมากแบบหมุนไว หรืออยากขายน้อยชิ้นแต่กำไรต่อชิ้นสูง ถ้าต้องการเน้นปริมาณ ราคาก็ควรตั้งให้จูงใจ ส่วนถ้าเน้นภาพลักษณ์หรือขายเฉพาะกลุ่ม ก็สามารถตั้งราคาพรีเมียมได้ โดยคุมคุณภาพให้สมกับราคาที่ตั้ง
สูตรการตั้งราคาสินค้า
การตั้งราคามีได้หลายวิธี ไม่มีกฎตายตัว แต่ละสูตรก็เหมาะกับเป้าหมายที่ต่างกัน ควรเลือกใช้สูตรที่เหมาะกับธุรกิจและสินค้า
1. คิดจากต้นทุนสินค้า
สูตร ต้นทุน + กำไรที่ต้องการ = ราคาขาย
เป็นสูตรพื้นฐานที่มือใหม่ควรเริ่มจากตรงนี้ เพราะช่วยให้เห็นชัดเจนว่า ขายไปแล้วได้กำไรจริงเท่าไหร่ ตัวเลขไม่ซับซ้อน แค่รวมต้นทุนทุกอย่าง แล้วบวกกำไรที่อยากได้เข้าไป เช่น ถ้าต้นทุนทั้งหมด 100 บาท อยากได้กำไร 30% ก็ขายที่ 130 บาท เหมาะกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่ม และยังไม่มีข้อมูลตลาดมากนัก
2. คิดจากราคาขายสินค้า
แนวคิดตรงข้ามกับสูตรแรก โดยเริ่มจากราคาที่ลูกค้ายอมจ่ายได้ หรือราคาที่ตลาดรับไหว แล้วค่อยย้อนกลับมาหาวิธีลดต้นทุน เพื่อให้ยังมีกำไรอยู่ เช่น เห็นคู่แข่งขายอยู่ที่ 199 บาท เราก็ใช้ราคานั้นเป็นฐาน แล้วจัดการต้นทุนให้ไม่เกิน 140–150 บาท เพื่อให้เหลือกำไรพอสมควร สูตรนี้เหมาะกับสินค้าที่ต้องแข่งขันในตลาด และต้องตั้งราคาให้ดึงดูดใจลูกค้า
แชร์เทคนิค วิธีการตั้งราคาสินค้าให้โดนใจลูกค้า
แม้จะมีสูตรตั้งราคาหลากหลาย แต่สุดท้ายแล้วความรู้สึกของลูกค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้ราคาที่คุณตั้งดูน่าซื้อ สื่อภาพลักษณ์ที่ดี และกระตุ้นการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. อย่าตั้งราคาถูกเกินไป
ราคาที่ถูกเกินจริง อาจทำให้ลูกค้าเกิดความสงสัยว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ หรือคุณค่าต่ำกว่าความคาดหวัง บางครั้งการตั้งราคาที่ดูมีมูลค่าจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ได้ดีกว่า
2. ใช้จิตวิทยาราคา
เลขที่ลงท้ายด้วย 9 อย่าง 99, 199 หรือ 1,999 มักจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าราคาถูกกว่าความเป็นจริง เช่น 99 บาท ดูดีกว่า 100 บาทเล็กน้อย แต่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อได้มหาศาล
3. ตั้งราคาแบบเหมารวม
รวมค่าส่งหรือของแถมไว้ในราคาสินค้า เช่น แพ็กเกจนี้รวมค่าส่งฟรี หรือ แถมฟรีอีก 1 ชิ้น ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มค่ามากกว่า แม้ราคาจะดูสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าสื่อสารชัด ก็เปลี่ยนใจลูกค้าได้ง่าย
4. แยกราคาสินค้ากับค่าส่ง
เหมาะกับการขายออนไลน์ เพราะทำให้ราคาสินค้าบนหน้าแรกดูต่ำลง เช่น ขายสินค้าที่ 89 บาท แล้วบวกค่าส่งภายหลัง ลูกค้าจะรู้สึกว่าสินค้าถูก และตัดสินใจคลิกเข้ามาดูก่อน ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขาย
5. ตั้งราคาตามจุดขายสินค้า
ถ้าสินค้ามีความแตกต่าง มีดีไซน์เฉพาะ วัสดุคุณภาพ หรือผลิตแบบแฮนด์เมด ควรตั้งราคาสูงขึ้นตามคุณค่า เพราะลูกค้ามองหาความพิเศษ ไม่ใช่แค่ราคาถูก อย่ากลัวที่จะตั้งราคาสูง ถ้ามีเรื่องราวหรือจุดเด่นรองรับ
6. ตั้งราคาจากลูกค้า
ทดลองตั้งหลายช่วงราคา แล้วเก็บข้อมูลว่าแบบไหนขายดีที่สุด วิธีนี้ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแบบเจาะลึก และสามารถตั้งราคาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้จริง โดยไม่ต้องเดาสุ่ม
7. เปรียบเทียบราคาตลาด
อย่าลืมเช็กราคาคู่แข่งในตลาดเป็นประจำ เพราะถ้าราคาสูงเกินไปอาจเสียลูกค้า แต่ถ้าต่ำเกินไปก็อาจเสียกำไร เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณตั้งราคาได้อย่างสมดุล ทั้งแข่งขันได้และยังคงความคุ้มค่าไว้ครบถ้วน
สรุป
การตั้งราคาสินค้า ไม่ใช่แค่คำนวณต้นทุน แต่ต้องเข้าใจลูกค้าและตลาด หากตั้งได้ดี ก็เพิ่มยอดขายได้ไม่ยาก ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับร้านของคุณ รับรองว่าเห็นผลแน่นอน และสำหรับร้านที่ต้องแพ็กสินค้าเอง อย่าลืมเลือกใช้ กระดาษความร้อน สติ๊กเกอร์ความร้อนจาก ATCO ที่ช่วยให้การพิมพ์ฉลากง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องใช้หมึก ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน เพิ่มความเป็นมืออาชีพให้กับทุกแพ็กเกจ ด้วย ATCO