15 ก.ย. ต้นทุนบรรจุภัณฑ์เล็ก ๆ ที่เจ้าของธุรกิจมองข้าม อาจส่งผลต่อกำไรมากกว่าที่คิด
สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ และผู้ประกอบการรายย่อย บรรจุภัณฑ์สินค้าอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ค่อยได้รับความใส่ใจเท่ากับคุณภาพสินค้า การขาย หรือการตลาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว บรรจุภัณฑ์กลับเป็นหนึ่งในต้นทุนที่มีผลต่อกำไรโดยตรง และหากจัดการไม่ดีอาจทำให้ต้นทุนพุ่งสูงโดยไม่รู้ตัว
ประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้ในธุรกิจ
ธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่มักใช้บรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น กล่องใส่พัสดุ ซองพลาสติก ถุงไปรษณีย์ กล่องลูกฟูก รวมถึงวัสดุเสริมต่าง ๆ อย่างกระดาษห่อ แอร์บับเบิล ฟิล์มยืด สติ๊กเกอร์โลโก้ หรือแม้แต่ริบบิ้นตกแต่ง ในบางครั้งบรรจุภัณฑ์ยังทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ (Branding) จึงมักมีการออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้คือต้นทุนที่ต้องบริหารอย่างมีระบบ
บรรจุภัณฑ์ = ต้นทุนแฝง ที่มักถูกมองข้าม
หลายธุรกิจเริ่มต้นจากการเน้นคุณภาพสินค้า และยอดขาย แต่กลับละเลยการบริหารจัดการต้นทุนบรรจุภัณฑ์อย่างรอบคอบ บรรจุภัณฑ์ที่ดูเหมือนไม่แพงในหน่วยย่อย หากรวมกันในระยะยาวอาจกลายเป็นต้นทุนที่กินกำไรอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ปริมาณการจัดส่งมากขึ้น ต้นทุนส่วนนี้ยิ่งสะสม และส่งผลชัดเจน
ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ไม่ได้มีแค่ราคาต่อชิ้น
ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ราคาที่ซื้อกล่องหรือซองเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยองค์ประกอบอื่น ๆ
ต้นทุนต่อหน่วย
ราคาของบรรจุภัณฑ์อย่างกล่อง ซอง หรือวัสดุกันกระแทก อาจดูเหมือนไม่แพงมากเมื่อต่อชิ้น แต่ถ้าเจ้าของธุรกิจนำมาใช้ในปริมาณมาก ๆ ต่อวัน และต่อเดือน ต้นทุนนี้จะสะสมจนสูงกว่าที่คิดไว้มาก อีกทั้งการเลือกใช้วัสดุที่ซับซ้อนหรือมีชั้นหลายชั้นโดยไม่จำเป็น จะยิ่งเพิ่มราคาต่อหน่วยโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จริง
ค่าขนส่ง
ขนาด และน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์มีผลโดยตรงต่อค่าขนส่ง หากใช้กล่องที่ใหญ่เกินความจำเป็น หรือวัสดุที่หนักเกินไป จะทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นมาก บางบริษัทขนส่งคิดราคาค่าส่งตามปริมาตร (น้ำหนักตามขนาดกล่อง) มากกว่าน้ำหนักจริง ทำให้ต้นทุนขนส่งพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่จำเป็น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดพอดีกับสินค้า และน้ำหนักเบาจะช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้
ค่าจัดเก็บ และบริหารสต็อก
เมื่อธุรกิจมีบรรจุภัณฑ์หลายขนาดหรือหลายแบบ และสั่งซื้อในปริมาณมาก จะต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้น และมีความซับซ้อนในการบริหารจัดการสต็อกมากขึ้นด้วย พื้นที่จัดเก็บที่เพิ่มขึ้น นอกจากจะเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรง ยังต้องเสียเวลาจัดการ และตรวจนับสต็อก ทำให้ต้นทุนโดยรวมสูงขึ้นแบบแฝงที่หลายคนมองข้าม
ต้นทุนด้านเวลา
บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาไม่เหมาะสมหรือประกอบใช้งานยาก จะทำให้พนักงานใช้เวลามากขึ้นในการแพ็กสินค้าแต่ละชิ้น เมื่อเวลาที่ใช้ในการแพ็กเพิ่มขึ้นในทุกออเดอร์จะส่งผลให้ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย การเสียเวลาที่ไม่จำเป็นนี้ แม้จะดูเล็กน้อยในแต่ละครั้ง แต่เมื่อรวมกับปริมาณคำสั่งซื้อที่มากขึ้นจะกลายเป็นต้นทุนที่สูง และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวมของธุรกิจ
พฤติกรรมที่ทำให้ต้นทุนบรรจุภัณฑ์สูงขึ้นแบบไม่รู้ตัว
ในหลายกรณี ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ไม่ได้เกิดจากการเลือกวัสดุที่แพงเสมอไป แต่เกิดจากพฤติกรรมที่ขาดการวางแผน
ใช้กล่องใหญ่เกินจำเป็น
เมื่อต้องส่งสินค้าขนาดเล็ก แต่เลือกใช้กล่องขนาดใหญ่เกินไป นอกจากจะต้องใช้วัสดุกันกระแทกเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันสินค้าไม่ให้เสียหายแล้ว ยังส่งผลให้ค่าขนส่งพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะค่าขนส่งส่วนใหญ่คิดจากปริมาตรกล่องหรือขนาดรวมของบรรจุภัณฑ์โดยตรง นั่นหมายความว่าแม้ว่าสินค้าจะเบา แต่หากใส่ในกล่องใหญ่เกินไป ค่าส่งก็สูงขึ้นโดยไม่จำเป็น
ใช้วัสดุหลายชั้นเกินความจำเป็น
บางครั้งเจ้าของธุรกิจอาจกังวลว่าสินค้าจะเสียหายระหว่างขนส่ง จึงเลือกใช้วัสดุกันกระแทกหลายชั้น เช่น แอร์บับเบิล โฟม หรือแม้แต่การใช้กล่องซ้อนกล่อง ทั้งที่ในบางกรณีการป้องกันแบบนี้ไม่จำเป็นหรือเกินความเหมาะสม ส่งผลให้ต้นทุนวัสดุ และน้ำหนักเพิ่มขึ้น
ไม่รวมต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในการคำนวณราคาขาย
เมื่อเจ้าของธุรกิจละเลยที่จะนำต้นทุนบรรจุภัณฑ์เข้ามาคำนวณในราคาขายสินค้า ทำให้ราคาที่ตั้งขายไม่ครอบคลุมต้นทุนจริง ส่งผลให้กำไรต่อหน่วยลดลงโดยที่ผู้ประกอบการอาจไม่ทันสังเกตว่ากำไรที่แท้จริงต่ำกว่าที่คาดหวังไว้
สั่งซื้อในปริมาณน้อยเกินไป
การสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ในปริมาณไม่เพียงพอหรือสั่งซื้อจำนวนน้อยทำให้ไม่สามารถต่อรองราคาส่งกับผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายได้ ต้นทุนต่อหน่วยจึงสูงกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ต้นทุนรวมของบรรจุภัณฑ์สูงขึ้น
เปลี่ยนแบบหรือขนาดบรรจุภัณฑ์บ่อยเกินไป
การเปลี่ยนดีไซน์หรือขนาดบรรจุภัณฑ์บ่อยครั้ง ทำให้เกิดของค้างสต็อกในแบบเก่าหรือสินค้าที่ใช้ร่วมกันไม่ได้ ต้องทิ้งหรือจัดการสต็อกซ้ำซ้อน รวมทั้งสร้างความสับสนในการบริหารจัดการ ส่งผลให้เกิดความสิ้นเปลือง และต้นทุนแฝงเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาว
เมื่อพฤติกรรมข้างต้นสะสมต่อเนื่อง จะส่งผลต่อธุรกิจในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของกำไร และภาพลักษณ์
1. ต้นทุนเพิ่มสะสม กำไรต่อหน่วยลดลง รายได้ดูเหมือนจะดี แต่เมื่อหักต้นทุนย่อย ๆ กลับพบว่ากำไรจริงน้อยกว่าที่คาด
2. ภาพลักษณ์ไม่สม่ำเสมอ การใช้บรรจุภัณฑ์หลายแบบ เปลี่ยนไปมาบ่อย อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ไม่เป็นมืออาชีพ ขาดความน่าเชื่อถือ
3. ความล่าช้าในการจัดส่ง หากบรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะกับสินค้า แพ็กยาก หรือหาของยาก จะทำให้ขั้นตอนการเตรียมจัดส่งช้าลง
แนวทางลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
เจ้าของธุรกิจสามารถบริหารจัดการต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์ได้ดีขึ้น
1. แยกวิเคราะห์ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ออกจากต้นทุนการผลิต เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจนว่าในแต่ละออเดอร์ใช้บรรจุภัณฑ์ในสัดส่วนเท่าไหร่
2. ปรับขนาดและรูปแบบให้เหมาะสมกับสินค้า ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เพื่อป้องกันความเสียหาย และลดค่าขนส่ง
3. เลือกวัสดุที่เบาแต่แข็งแรง เช่น กล่องลูกฟูกแบบบางคุณภาพดี ซึ่งช่วยลดน้ำหนัก และค่าขนส่งได้
4. สั่งซื้อในจำนวนที่เหมาะสม ไม่มากเกินจนค้างสต็อก หรือซื้อน้อยจนต้นทุนต่อชิ้นสูง
5. เลือกผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ที่เข้าใจธุรกิจ สามารถให้คำแนะนำเรื่องขนาด วัสดุ และโซลูชันที่เหมาะกับลักษณะสินค้าได้
หากยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกกล่องแบบใดหรือสั่งจากที่ไหนดี แนะนำ กล่องใส่พัสดุและบรรจุภัณฑ์คุณภาพจาก ATCO ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่เข้าใจทั้งในด้านต้นทุน ความเหมาะสมในการใช้งาน และความทนทานต่อการขนส่ง พร้อมแบบหลากหลายขนาด รองรับตั้งแต่ผู้ขายรายย่อยไปจนถึงระบบ fulfillment ขนาดใหญ่
ต้นทุนบรรจุภัณฑ์อาจดูเป็นเรื่องเล็กสำหรับหลายคน แต่เมื่อมองให้ลึก และวิเคราะห์อย่างจริงจัง จะพบว่าเป็นต้นทุนที่สำคัญ และมีผลต่อกำไรโดยตรง เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจองค์ประกอบของต้นทุนบรรจุภัณฑ์ ปรับแนวทางการใช้งานให้เหมาะสม และเลือกใช้วัสดุหรือซัพพลายเออร์ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านคุณภาพ และความคุ้มค่า เพราะการควบคุมต้นทุนเล็ก ๆ อย่างรอบคอบในวันนี้ อาจหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว