เปิดความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์

เปิดความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์

ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านค้าออนไลน์ นั่นก็แปลว่ามันมีสูตรมากมายในการเปิดร้านค้าที่หลายคนสอนกัน แต่หากเรารับข้อมูลผิด ๆ มาใช้กับร้านตัวเองแบบไม่ได้กรองอะไรเลย ก็อาจนำไปสู่การขายที่อาจจะยอดปังสู่ยอดพังได้ แต่ไม่เป็นไร เริ่มต้นถูกต้องตอนนี้ก็ยังไม่สาย !

บทความนี้ ATCO ขอเป็นหนึ่งกระบอกเสียงช่วยแชร์ความเชื่อผิด ๆ ในการขายสินค้าออนไลน์ที่หลายคนคิดว่าดี เพื่อให้สามารถเริ่มต้นก้าว 1 อย่างถูกต้อง มั่นใจ และไปต่อได้อย่างราบรื่น

รวมความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ที่ทำลายพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่

พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่หลายคนอาจเคยได้ยินคำแนะนำที่ผิด ๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจ มาดูกันว่า 7 ความเชื่อผิด ๆ เหล่านี้มีอะไรบ้าง และเราควรแก้ไขอย่างไร เพื่อให้ร้านค้าของเราประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น!

1. ธุรกิจออนไลน์เริ่มต้นยากและโอกาสน้อย : ขั้นแรกสุดที่ทำให้คนไม่กล้ากระโจนเข้าสู่น่านน้ำของการขายของออนไลน์ เป็นเพราะปักใจเชื่อไปแล้วว่า ‘การขายของออนไลน์ขั้นตอนเยอะยุ่งยากไปหมด’ และ ‘โอกาสน้อย’ เพราะทำธุรกิจออนไลน์มีค่าใช้จ่ายที่แพง และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำธุรกิจออฟไลน์ ซึ่งอาจเป็นความเชื่อที่ผิดแน่นอน (สำหรับคนที่ขายของออนไลน์อยู่) เพราะต้นทุนในการขายของออนไลน์อาจจะน้อยกว่าการเปิดหน้าร้านถึง 5-15 เท่า ! แต่ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจแต่ละแบบ และธุรกิจออนไลน์ยังไม่ต้องการลูกมือในตอนเริ่มต้น สามารถตกแต่งหน้าร้าน (ออนไลน์) ได้เอง ในขณะที่การดีไซน์ตกแต่งหน้าร้านถือเป็นปัจจัยหลักเสียเงินเยอะมากที่สุดอย่างหนึ่ง

2. ขายออนไลน์สินค้าอะไรก็ขายดี : แต่การขายของออนไลน์ก็ไม่ได้ง่ายถึงขนาดว่า ขายอะไรก็ได้ ยังไงตลาดออนไลน์ก็มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและเยอะกว่าออฟไลน์เยอะมาก ของดีกว่ายังไงก็ชนะ ซึ่งจุดนี้ที่ทำให้เราลืมไปว่าคนที่ขายของออนไลน์ทุกคนก็คิดแบบเดียวกัน ทุกคนก็มีของดี ออนไลน์ก็มีร้านค้าทุกแบบ นำไปสู่การแข่งขันการตัดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ถ้าเราสู้ไม่ไหวก็เจ๊งไป เพราะฉะนั้นก่อนเปิดร้านออนไลน์ควรวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าที่เราจะขายเสียก่อน ลูกค้าประเภทไหน อายุเท่าไหร่ และมีความสนใจอะไรบ้าง จะช่วยให้เราเลือกสินค้าและมีกลุ่มลูกค้าเป็นของตัวเองที่แตกต่างจากคนอื่น

3. ไม่จำเป็นต้องโพสต์ขายบ่อย ๆ ก็ได้ : ยิ่งผิดเข้าไปอีกเมื่อเอาวิธีการของออฟไลน์มาใช้ในออนไลน์ว่าการเปิด-ปิดร้านจำเป็นจะต้องเป็นเวลา ทันทีที่เปิดหน้าร้านออนไลน์ Social Media คืออาวุธที่สำคัญที่สุดในการขายของ ไม่ว่าจะโปรโมตหรือคุยกับลูกค้าก็ตาม การ Always Active จำเป็นต่อการตัดสินใจของลูกค้ามาก ๆ ยิ่งเราขยันโพสต์มากเท่าไหร่ ทำโพสต์ที่มีคุณภาพจนดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ก็ยิ่งต้องควรทำ และอย่าลืมว่าการทำร้านค้าออนไลน์ การทำคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมการขายนั้นสำคัญมาก ไม่ว่าจะทั้งสนุก หรือแฝงสาระความรู้ สร้างความไวรัล ก็ยิ่งมีผลต่อยอดขายของร้าน

รวมความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์

4. ภาพสินค้าไม่จำเป็นต้องดีมากมาย : เพราะว่าเป็นการขายของออนไลน์ที่ลูกค้าไม่สามารถเดินมาซื้อของที่ร้านจริงได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทุกคนไม่สามารถปล่อยปะละเลยกับภาพนิ่งของสินค้าที่จะขึ้นโพสต์ของตัวเองได้ เพราะภาพคือสิ่งเดียวที่ทำให้ลูกค้าเห็นและตัดสินใจซื้อของจากร้านเรา ขั้นแรกสุดฝึกหัดถ่ายรูปเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อนเลย รู้องค์ประกอบของภาพ รู้จักการใช้แสงและเงา รู้จักการใช้วัตถุมาวางเสริมให้ภาพในสินค้าเด่น จนไปถึงฝึกการใช้ Photoshop เบื้องต้น เพื่อรีทัชภาพให้ดูดีก่อนโพสต์

5. มองข้ามบริการหลังการขายไปได้เลย : หลายคนอาจจะคิดว่าเพราะขายของออนไลน์ที่ซื้อมาขายไปไว ๆ ก็จบ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องดูแลหลังการขายลูกค้ามากก็ได้ ไม่จริงเลย เรื่องเล็กน้อยที่สุดที่เราจะดูแลลูกค้าหลังจากซื้อของออนไลน์ไปแล้ว เช่น แจ้งหมายเลขติดตามพัสดุ อัปเดตสถานะสินค้า สอบถามความพึงพอใจเพื่อนำไปปรับปรุงสินค้าและการให้บริการ เพราะ Service Mind ก็ยังถือว่าเป็นกุญแจสำคัญเสมอในทุกวงการ

6. ยิ่งจัดโปรโมชั่นส่วนลดเท่าไหร่คนยิ่งซื้อเท่านั้น : การลดราคาอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาเป็นจำนวนมากไว้ก่อนไม่ใช่เทคนิคที่ดีเสมอไป เพราะนอกจากจะไม่ได้นำไปสู่กำไรอย่างที่ควรจะได้รับแล้ว อาจจะส่งผลได้หลายอย่าง เช่น ลูกค้าอาจคิดว่าสินค้าของเราไม่ดีแน่ ๆ ถึงเลือกลดราคาอยู่เสมอ หรือ ลดความเชื่อใจจากลูกค้าเพราะเชื่อว่าตัวร้านที่ตั้งราคาสูงเกินจริงแล้วมาลดราคาหลอกให้เราเชื่อว่าสินค้าตัวเองถูก เป็นต้น เพราะฉะนั้นหากคิดจะลดราคาสินค้าก็ควรวางแผนการตั้งราคา ลดราคา และโปรโมชั่นพิเศษให้ดีก่อนทุกครั้ง

7. การช้อปปิ้งเป็นเรื่องของวัยรุ่นอย่างเดียว : ต้องบอกว่าในปัจจุบันโลกอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องของวัยรุ่นเพียงเท่านั้นอีกต่อไป และการช็อปปิ้งออนไลน์เองก็เช่นกัน ที่โลกแห่งนี้เชื่อมต่อทุกคนและมีลูกค้าทุกเรนจ์อายุรอซื้อของในทุกร้านเสมอ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ในร้านเดียวกันกันที่ขายเสื้อผ้า เสื้อที่เป็นวินเทจสกรีนลายใหญ่แบบ Overprint จะตอบโจทย์ลูกค้าวัยรุ่นที่ตอนนี้กระแสเสื้อวินเทจ 90s มาแรง ในขณะที่ผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นจะนิยมเสื้อมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ ดังนั้นการจะขายของไม่ว่าจะสินค้าอะไรควรมองเอาไว้เสมอว่ากลุ่มลูกค้าเราอยู่ในเรนจ์ไหน เพื่อ Selected ได้ตอบโจทย์ นำไปสู่ยอดขายได้

และความเชื่อผิด ๆ ในการขายของออนไลน์อีกอย่างที่สำคัญก็คือ เราไม่จำเป็นจะต้องลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในอุปกรณ์ส่งสินค้าอย่างกล่องที่ไซส์ถูกต้องกับสินค้าของเรา กระดาษยัดไม่ให้สินค้าโคลงเคลง หรือ ‘สติ๊กเกอร์ปะหน้าพัสดุที่ดี’ โดยเฉพาะอย่างหลังสุดถ้าเลือกไม่ดีก็สามารถทำให้สินค้าหล่นหายกลางทางได้เลยนะ

แนะนำให้เลือกใช้ ATCO DIRECT THERMAL STICKER หรือ สติ๊กเกอร์ความร้อนเนื้อกระดาษพิเศษ ที่ใช้ความร้อนจากเครื่อง THERMAL PRINTER ในการพิมพ์ตัวอักษรของที่อยู่ในการจัดส่ง-พิมพ์ด้วยความคมชัด แถมตัวกระดาษก็กันรอยขีดข่วนจากการโดนพัสดุอื่น ๆ ในคลังสินค้าไปรษณีย์มาเสียดสี แล้วยังกันน้ำในวันที่อาจมีฝนตกโดนเล็กน้อย สุดท้ายสำคัญมากคือกาวของ ATCO DIRECT THERMAL STICKER เหนียวพิเศษที่ยึดกับกล่องพัสดุจนถึงมือของผู้รับได้อย่างแน่นอน

และไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์ในไซส์ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเป็นธุรกิจขนาดใหญ่แล้ว ATCO DIRECT THERMAL STICKER ก็มีสติ๊กเกอร์ถึง 4 แบบ ตอบโจทย์กับทุกโมเดล

สรุปสุดท้ายก่อนสร้างธุรกิจออนไลน์เป็นของตัวเอง ให้อ่านข้อมูลบนออนไลน์ให้ดีว่าเคล็ดลับในการทำธุรกิจสิ่งไหนจริงไม่จริงบ้าง หรือถ้าทีที่สุดอาจจะถามจากคนที่เคยทำธุรกิจมาก่อนแล้ว ก็จะค่อนข้างมั่นใจได้ว่านั่นคือข้อมูลที่ถูกต้อง สำคัญสุดท้ายคือหาข้อมูลวิเคราห์ให้มากที่สุด วิเคราะห์ให้เยอะ ก่อนจะลงมือทำไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์แบบไหนก็ตาม