08 ก.ค. เคล็ดลับขายของออนไลน์ 101 : วิธีถ่ายรูปสินค้าให้น่าดึงดูด
“อย่าตัดสินหนังสือจากปก” คำที่ไม่สามารถใช้ได้ในวงการขายของออนไลน์ วงการที่ถ้าของรูปสินค้าสวยก็ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าแบบสุด ๆ โดยทันที ภาพถ่ายคือ First Impression ก่อนที่ลูกค้าจะกดดู Product Detail ทั้งหมด
เพราะฉะนั้น การขายของออนไลน์ในยุคนี้ ยิ่งถ้าเป็นผู้เริ่มต้นธุรกิจที่ยังไม่มีทุนมากนัก จำเป็นที่จะต้องมีทักษะถ่ายรูปติดตัวเอาไว้ไม่มากก็น้อย และบทความนี้ ATCO ก็ขอเปิดคอร์สสั้น ๆ ‘วิธีถ่ายรูปสินค้าให้น่าดึงดูด’ มาฝากทุกคนกัน และเป็นวิธีการที่ใช้มือถือสมาร์ตโฟนของเราลุยลั่นชัตเตอร์ได้เลย
How To ถ่ายรูปสินค้าอย่างไรให้น่าสนใจที่สุด
แรกสุดเลยในการที่จะถ่ายรูปเพื่อโปรโมตอะไรสักอย่าง จำเป็นจะต้องทำความรู้จักกับสินค้าของเราให้ดีมาก ๆ เสียก่อน จุดเด่นมีอะไรบ้าง / ตัวบรรจุภัณฑ์มีลักษณะอย่างไร / เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรจะถ่ายอย่างไรเพื่อที่นอกจากความสวยที่สุดแล้ว ก็เพื่อให้สื่อถึงฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ของสินค้านั้น ๆ ผ่านภาพได้ทันที
แต่นอกเหนือจาก Knowledge แล้ว ก็ยังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่คนถ่ายควรจะรู้อยู่อีก ซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งหลัก ๆ เหล่านี้
1. เข้าใจหลักการของแสง : หากหลาย ๆ คนกำลังกังวลอยู่ว่า นี่เราจะต้องซื้อไฟหรือเปล่า ต้องซื้อชัตเตอร์แยกเลยมั้ย ไม่ต้องห่วง เพราะต้องบอกว่า ‘แสงธรรมชาติ’ คือแสงที่ดีที่สุดแล้วต่อการถ่ายรูปสินค้า ข้อสำคัญก็คือแสงธรรมชาติคือสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก่อนอื่นอาจจะลองโหลดแอปเช็กมุมที่พระอาทิตย์ตกของสถานที่ของตัวเอง แล้วหามุมไปถ่ายสินค้า ณ บริเวณนั้น เพราะว่าแสงคือสิ่งที่ส่งผลต่อ Mood & Tone และความรู้สึกของสินค้ามาก ๆ ถ้าต้องการโทนที่อบอุ่นหน่อย ก็เลือกแสงในช่วงเช้าหรือเย็น แต่ถ้าต้องการแดดแรง ๆ เพื่อแสงแข็ง ๆ มีความจ้า ก็ต้องเลือกถ่ายตอนกลางวันจนถึงบ่าย แต่ก็ต้องระวังแสงที่จ้าจนเกินไปด้วย
2. จัดวางองค์ประกอบสินค้าให้เป็น : สำหรับเหล่า Beginner ที่ถ่ายภาพสินค้าเป็นครั้งแรก กังวลเรื่ององค์ประกอบของวัตถุในภาพ อาจจะลองใช้เทคนิคพื้นฐานที่เป็นสากลของ Product Shooting อย่าง ‘กฎ 3 ส่วน’ (Rule of Third) ก่อนก็ได้ นี่คือวิธีการบาลานซ์ภาพถ่ายในรูป วิธีการก็คือให้แบ่งภาพออกเป็น 3 ส่วน ไม่ว่าจะแนวตั้งหรือแนวนอน ภาพจะเป็น 3×3 ออกมาเป็น Grid Line จำนวน 9 ช่อง ทำให้องค์ประกอบของภาพออกมาดูดี สินค้าจะอยู่ในจุดนำสายตาอย่างที่ควร โดยหน้าที่ของคนถ่ายคือวางสินค้าให้อยู่ตำแหน่งจุดตัดในตารางมากที่สุด
3. เลือกฉากที่ถูกต้องกับสินค้า : เทคนิคการเลือกพื้นหลังหรือ Background ในการถ่ายสินค้าสามารถทำได้หลายอย่าง
- ใช้พื้นขาว : ทั้งจากการกางลิมโบก็ดี หรือถ่ายสินค้าวางยิงเข้าพื้นหรือกำแพงที่ขาวก็ได้ ข้อดีของพื้นหลังแบบนี้คือถ้าสินค้าไม่ใช่สีขาวล้วนทั้งอัน ยังไงสินค้าก็เด่นออกมาแน่นอน และทำให้ภาพดูสะอาดตาด้วย
- ใช้พื้นหลังด้วยกระดาษสี : เพราะว่าการเลือกสีที่ตรงกับ CI ของแบรนด์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญเหมือนกัน และสีก็บ่งบอกอารมณ์ได้มากกว่าด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น
วิธีการทั้ง 2 อย่างก็สามารถใช้พร็อบเข้ามาประกอบเพื่อให้สินค้ามีมิติมากขึ้น และใช้สื่อเป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการใช้งานของสินค้านั้น ๆ ได้ด้วย แต่ระวังการจัดวางให้ดี ไม่อย่างนั้นสินค้าหลักจะจมซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเลย
4. ถ่ายเก็บให้ครบทุกมุม : เพลงมาเลย ! Zoom In, Zoom Out เพราะว่าการถ่ายภาพสินค้าแต่ละครั้งเราไม่ได้เลือกใช้แค่รูปเดียว แต่จะมีทั้งการเอาไปทำเป็น Poster บ้าง หรือทำเป็นโพสต์คอนเทนต์ในโซเชียล ทั้งแบบ Single Post และ Photo Album จึงจำเป็นที่จะต้องดีไซน์ช็อตถ่ายให้หลากหลาย ทั้งด้านหน้าด้านหลังของสินค้า ให้เห็น Logo และสโลแกนของแบรนด์ ยิงมุมท็อปให้เห็น Shape ทั้งหมดของสินค้า ถ่ายแบบ Close Up มาก ๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดของสินค้าทั้งหมด และถ่ายแบบมุมกว้างออกมาไกลหน่อย เพื่อให้เห็นภาพรวมของสินค้า
5. ภาพห้ามหลุดโฟกัสเด็ดขาด ! : อย่าเพิ่งวางใจเมื่อมีเทคนิคดี เพราะถ้า Basic แรกสุดลืมการโฟกัสไป เท่ากับว่ารูปที่ถ่ายมาทั้งหมดคือเสียไปเลยนะ ! เพราะฉะนั้นก่อนจะกดชัตเตอร์ทุกครั้ง อย่าลืมให้กล้องจับโฟกัสสินค้าหลักของภาพก่อน
6. ถ่ายภาพที่มีการใช้งานจริง : เพื่อให้เห็นว่าสินค้าของเราจะเข้าไปตอบโจทย์กับลูกค้าได้อย่างไรบ้าง เราจึงจำเป็นที่มีช็อตตอนใช้งานจริงของสินค้านั้นเข้าไปด้วยเสมอ เช่น ถ่ายสมาร์ทโฟน ก็ต้องมีภาพนิ่งที่กำลังใช้งานฟีเจอร์เด่น ๆ หรือถ่ายแก้ว Tubler ก็ต้องมีช็อตเทน้ำใส่เข้าไปด้วย หรือถ้าเป็นเสื้อกับรองเท้า ก็ควรจะมีช็อตขณะสวมใส่เข้าไปด้วย จะเรียกว่าเป็น Life Style Shot ที่จำลองการใช้สินค้าให้ลูกค้าก็ได้
7. ใช้แอปแต่งรูปเก็บรายละเอียด : และสุดท้ายกับขั้นตอน Post Production ที่ต้องรู้ เมื่อถ่ายภาพนิ่งเสร็จแล้วก็ควรจะเรียนรู้สกิล Photoshop แต่งภาพได้ด้วย หลัก ๆ สิ่งที่ต้องทำกับภาพสินค้าที่ถูกถ่ายมาแล้ว ก็คือการปรับ White Balance ให้ค่าความสว่าง-มืดของสินค้าอยู่ในระดับที่สินค้าจะไม่มืดจนเกินไปเสียก่อน จากนั้นก็ทำ Color Grading ปรับสีของสินค้าให้มีความใกล้เคียงกับของจริง (เพื่อไม่ให้เป็นการโฆษณาเกินจริง) และเพื่อให้ดูมีชีวิตชีวา และสุดท้ายคือการ Re-Touch ในกรณีที่มีแบบอยู่ในภาพด้วย เราก็ต้องเก็บความเรียบร้อยไม่ว่าจะเรื่องของสิว ปอยผมที่ตกลงมา หรืออื่น ๆ ที่มีส่วนร่วมกวนให้ภาพนั้นไม่สวย
ภาพสินค้าสวย ช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างไร ?
ชูจุดเด่นให้กับสินค้าในร้าน : เมื่อมีรูปถ่ายสินค้าในร้านที่ดีอยู่บนโซเชียลของร้านรวมกัน ก็ช่วยให้ร้านดูน่าเข้ามาเลือกสินค้ามากขึ้น เป็นการชูจุดเด่นให้กันและกัน
ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าจนนำไปสู่ยอดขาย : ภาพสินค้าที่ดีคือการแข่งขันขโมยความสนใจให้ลูกค้ามาอยู่กับเราแทนที่จะไปอยู่กับร้านอื่น เพราะลูกค้าออนไลน์ไม่สามารถจับต้องสินค้าจริงก่อนได้ ของสวย ๆ คือการตัดสินใจแรกสุดว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้
สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ : ภาพที่สวยของแต่ละร้านค้ายังแสดงไปถึงความประณีตของร้านนั้น ๆ ได้อีกด้วย
ร้านค้ามีความน่าเชื่อถือ : และสุดท้ายก็แสดงให้เห็นว่า ร้านนี้ทำงานหนักเพื่อเลือกของที่ดีให้ลูกค้าอย่างแน่นอน เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือไปแล้วตั้งแต่ยังไม่ลองใช้สินค้า
ยังไม่ต้องถึงขั้นสะพายกล้อง DSLR ตัวใหญ่และเช่าสตูดิโอถ่ายภาพหรอก จุดสำคัญแรกเลยคือหยิบมือถือที่ใช้ทุกวันมาเรียนรู้การใช้งายในโหมดการถ่ายภาพของเครื่องให้แตกฉาน ฝึกสกิลการหามุมถ่ายในออฟฟิศหรือในบ้าน หยิบของตกแต่งใกล้ตัวพวกหนังสือมาอยู่ในองค์ประกอบเดียวกับสินค้าของเรา พูดง่าย ๆ ก็คือ แค่เริ่มต้นก็ถ่ายไปเลยไม่ต้องรออะไรแล้ว ฝึกพื้นฐานให้แน่นจากนั้นค่อยจริงจังขึ้นไปเรื่อย ๆ
และในวันที่กลายเป็นมืออาชีพสามารถขายสินค้าได้จากรูปสินค้าที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว การรันธุรกิจออนไลน์ที่ดี ก็จำเป็นที่จะต้องใส่ใจกระบวนการ Shipping ด้วย และสติ๊กเกอร์ความร้อน ATCO DIRECT THERMAL STICKER ก็พร้อมจะซัพพอร์ตทุกคน ไม่เสียเวลาไปกับการเปลี่ยนหมึกพิมพ์ ให้ความร้อนจากเครื่อง Thermal Printer ปริ้นใบปะหน้าที่ตัวอักษรที่อยู่ชัดเจน กันน้ำได้ การเสียดสีไม่ทำให้ตัวอักษรเลือนราง และกาวติดพิเศษไปตลอดจนถึงหน้าบ้านของลูกค้า
แนะนำอ่านต่อ : เปิด 7 เทคนิคไลฟ์สดให้ยอดพุ่งสำหรับร้านค้าออนไลน์